ห้างหุ้นส่วนจำกัด นิวย่งฮั้ว (ไทยแลนด์) คือโรงงานสิ่งทอหน้าแคบที่มีประสบการณ์ในแวดวงสิ่งทอไทยมากกว่า 50 ปี เข้าใจทุกความต้องการของผู้ผลิตสินค้าสิ่งทอและการ์เมนต์ และสินค้าอื่นๆ ที่ต้องการใช้งานสิ่งทอหน้าแคบคุณภาพ พร้อมดูแลอย่างครบวงจร ถักทอ ย้อมสี สกรีน เคลือบ มีวัตถุดิบพิเศษให้เลือก เช่น เส้นใยไม้ไผ่ เส้นใยต้านแบคทีเรีย เส้นใยรีไซเคิล มีเส้นด้ายให้เลือกมากกว่า 1,000 สีในสต็อคพร้อมผลิตชิ้นงานได้รวดเร็ว ได้ชิ้นงานตัวอย่างภายใน 3-5 วัน ด้วยทีมงานคุณภาพ ที่เชี่ยวชาญงานสิ่งทอ มีประสบการณ์มากที่สุดในประเทศไทย
ผลิตภัณฑ์ของ หจก. นิวย่งฮั้ว (ไทยแลนด์) ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์เนมระดับโลกตลอดมา เป้าหมายสำคัญในการทำงานของ นิวยงฮั้ว (ไทยแลนด์) คือการผลิตสิ่งทอหน้าแคบที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วยกระบวนการผลิตที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังสามารถควบคุมการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีในการผลิตอยู่เสมอ
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความสมบูรณ์แบบที่สุดให้กับสินค้าของลูกค้าเรา เพื่อเป็นซัพพลายเออร์หรือพาร์ทเนอร์ที่ดีที่สุด สร้างความสัมพันธ์ที่มากกว่าคู่ค้า คือการเป็นพันธมิตรอย่างยั่งยืนของธุรกิจคุณ
ความเชี่ยวชาญ จุดเด่น และ ผลงาน
ผลิตภัณฑ์หลักของ หจก. นิวย่งฮั้ว (ไทยแลนด์) เป็นสิ่งทอหน้าแคบ เช่น เชือกผูกรองเท้า สายเทป แถบผ้า ยางยืด สายกุ๊น จากใยธรรมชาติ โดยทำการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่ถักทอ ย้อมสี สกรีน เคลือบ มีวัตถุดิบพิเศษให้เลือก เช่น เส้นใยไม้ไผ่ เส้นใยต้านแบคทีเรีย เส้นใยรีไซเคิล ผลิตภัณฑ์ได้รับการยอมรับทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ เช่น NIKE ADIDAS
นวัตกรรมสะท้อนน้ำด้วยการใช้สารที่ปราศจาก perfluorinated compounds (PFCs) เป็นนวัตกรรมที่บริษัทพัฒนาขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่อยากได้นวัตกรรมที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน นวัตกรรมเชือกผูกรองเท้าสะท้อนน้ำเหมาะกับผู้ที่รักกีฬา out door ตลอดจนถึงนักท่องเที่ยวที่ชอบท่องเที่ยวแนวผจญภัย ซึ่งต้องมีการลุยน้ำ หรือเดินในที่ชื้นแฉะ จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้ารองเท้า และทำความสะอาดได้ง่าย
ปัจจุบันมีการนำของเสียในสต็อกมาผลิตเป็นสินค้าในตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งผลิตภัณฑ์มีรูปแบบสวยงาม และได้รับการรับรองมาตรฐาน “ฉลากคุณภาพสิ่งทอไทย (Thailand Textile Tag)” จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการปรับรูปแบบธุรกิจจากเดิมที่ขายแบบ B2B เป็น B2C มากขึ้น



