อาร์แอลแอลพลาสติก (RLL PLASTICS) คือ ผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยตามมาตรฐานระดับโลก มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพและการส่งมอบอย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่รับผิดชอบต่อลูกค้า สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
อาร์แอลแอลพลาสติก เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกด้วยระบบ Injection Molding โดยให้บริการแก่กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
บริการหลัก (Core Services)
1. บริการฉีดขึ้นรูปพลาสติกตามสั่ง (Custom Plastic Injection Molding)
ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกตามแบบที่ลูกค้ากำหนด ด้วยความแม่นยำสูง และสามารถรองรับการผลิตทั้งในปริมาณน้อยและมาก
2. บริการออกแบบแม่พิมพ์และให้คำปรึกษาทางเทคนิค (Mold Design & Engineering Support) มีทีมวิศวกรที่สามารถร่วมวางแผนและออกแบบแม่พิมพ์ เพื่อให้เหมาะสมกับการผลิตจริง ช่วยลดต้นทุนและของเสีย
3. บริการตรวจสอบคุณภาพแบบครบวงจร (Full Process Quality Control) ดำเนินการตรวจสอบตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าชิ้นงานทุกชิ้นได้มาตรฐานตามความต้องการของลูกค้า
4. บริการประกอบและบรรจุภัณฑ์ (Assembly & Packaging) รองรับงานประกอบชิ้นงาน รวมถึงการบรรจุภัณฑ์เพื่อการจัดส่งแบบครบวงจร เพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ บรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมทั่วไป
ความเชี่ยวชาญ จุดเด่น และ ผลงาน
RLL PLASTICS เชี่ยวชาญในการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกตามแบบ (Custom Injection Parts) สำหรับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม ยานยนต์ (Automotive Parts) ชิ้นส่วนของ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และการผลิตทั่วไป ชิ้นส่วนสำหรับ อุตสาหกรรม OEM ที่ต้องการการผลิตแบบเฉพาะทาง ทุกผลิตภัณฑ์สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านขนาด วัสดุ และฟังก์ชันการใช้งาน
บริษัท RLL PLASTICS นำเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในทุกกระบวนการ เพื่อยกระดับคุณภาพ ประสิทธิภาพและความแม่นยำในการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ด้วยระบบอัตโนมัติและการควบคุมคุณภาพระดับสากล ดังนี้
1. เทคโนโลยีการฉีดขึ้นรูปพลาสติก (Plastic Injection Molding Technology)
– รองรับเครื่องฉีดพลาสติกขนาดตั้งแต่ 120 ถึง 500 ตัน จำนวนรวม 17 เครื่อง
– ควบคุมด้วยระบบดิจิทัลที่สามารถปรับแรงดัน อุณหภูมิ และระยะเวลาฉีดได้อย่างแม่นยำ
– เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นงานตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง ที่ต้องการความละเอียดสูง
2. ระบบการผลิตอัตโนมัติ (Automated Production System)
– ใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรม (Robotics) สำหรับการจัดการวัสดุและการเคลื่อนย้ายชิ้นงาน
– ลดความผิดพลาดจากแรงงานคน เพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการผลิต
– รองรับการผลิตในปริมาณมากอย่างมีประสิทธิภาพ
3. การควบคุมสต็อกด้วยบาร์โค้ด (Barcode Stock Control System)
– บริหารจัดการวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปด้วยระบบบาร์โค้ด
– ตรวจสอบข้อมูลการผลิต การจัดเก็บ และการขนส่งได้แบบเรียลไทม์
– ช่วยลดความผิดพลาดในการจัดส่ง และเพิ่มความแม่นยำด้านโลจิสติกส์
4. การควบคุมคุณภาพขั้นสูง (Advanced Quality Assurance)
– ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนการผลิต ระหว่างผลิต และก่อนจัดส่ง
– ใช้อุปกรณ์วัดค่าทางวิศวกรรมที่แม่นยำ เช่น เครื่องวัดขนาดชิ้นงานแบบ 3 แกน – มั่นใจได้ว่าทุกชิ้นงานผ่านมาตรฐานที่เข้มงวดก่อนถึงมือลูกค้า

